เมนู

เพียงให้อุปบัติในเนวสัญญานาสัญญายตนพรหมเท่านั้น. อาตมภาพไม่พอใจ
ธรรมนั้น เบื่อจากธรรมนั้นหลีกไป.
[491] ดูก่อนราชกุมาร เมื่ออาตมภาพแสวงหาอยู่ว่าอะไรเป็นกุศล
ค้นคว้าสันติวรบทอันไม่มีสิ่งอื่นยิ่งขึ้นไปกว่า เที่ยวจาริกไปในมคธชนบทโดย
ลำดับ บรรลุถึงอุรุเวลาเสนานิคม ณ ที่นั้น อาตมภาพได้เห็นภาคพื้นน่ารื่นรมย์
มีไพรสณฑ์น่าเลื่อมใส มีแม่น้ำไหลอยู่ น้ำเย็นจืดสนิท มีท่าน้ำราบเรียบ
น่ารื่นรมย์ และมีโคจรตามโดยรอบ. อาตมภาพได้มีความคิดเห็นว่า ภาคพื้น
น่ารื่นรมย์หนอ ไพรสณฑ์ ก็น่าเลื่อมใส แม่น้ำก็ไหล น้ำเย็นจืดสนิท ท่าน้ำ
ก็ราบเรียบ น่ารื่นรมย์ และโคจรคามก็มีโดยรอบ สถานที่เช่นนี้สมควรเป็นที่
ตั้งความเพียรของกุลบุตรผู้ต้องการความเพียรหนอ. ดูก่อนราชกุมาร อาตมภาพ
นั่งอยู่ ณ ที่นั้นนั่นเอง ด้วยคิดเห็นว่า สถานที่เช่นนี้สมควรเป็นที่ทำความเพียร.

อุปมา 3 ข้อ



[492] ดูก่อนราชกุมาร ครั้งนั้น อุปมาสามข้อน่าอัศจรรย์ ไม่ได้
เคยฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏแก่อาตมภาพ.
เปรียบเหมือนไม้สดชุ่มด้วยยางทั้งตั้งอยู่ในน้ำ ถ้าบุรุษพึงมาด้วย
หวังว่า จักถือเอาไม้นั้นมาสีให้เกิดไฟ จักทำไฟให้ปรากฏ ดังนี้ ดูก่อน
ราชกุมาร พระองค์จะทรงเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นเอาไม้สด
ชุ่มด้วยยางทั้งตั้งอยู่ในน้ำมาสีไฟ พึงให้ไฟเกิด พึงทำไฟให้ปรากฏได้บ้างหรือ.
โพธิราชกุมารทูลว่า ข้อนี้ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะไม้ยังสดชุ่มด้วยยางทั้งตั้งอยู่ในน้ำ บุรุษนั้นก็จะพึงเหน็ดเหนื่อยลำบาก
กายเปล่า.

ดูก่อนราชกุมาร ข้อนี้ฉันใด สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ก็ฉันนั้น มีกายยังไม่หลีกออกจากกาม ยังมีความพอใจในกาม ยังเสน่หาในกาม
ยังหลงอยู่ในกาม ยังระหายในกาม ยังมีความเร่าร้อนเพราะกาม ยังละไม่ได้
ด้วยดี ยังให้สงบระงับไม่ได้ด้วยดีในภายใน ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น
ถึงแม้จะได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าเผ็ดร้อนอันเกิดเพราะความเพียรก็ดี ถึงจะ
ไม่ได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าเผ็ดร้อนอันเกิดเพราะความเพียรก็ดี ก็ไม่ควรเพื่อ
จะรู้เพื่อจะเห็น เพื่อปัญญาเครื่องตรัสรู้อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า. ดูก่อนราชกุมาร
อุปมาข้อที่หนึ่งนี้แลน่าอัศจรรย์ ไม่เคยได้ฟังมาในก่อน มาปรากฏแก่อาตมภาพ.
[493] ดูก่อนราชกุมาร อุปมาข้อที่สอง น่าอัศจรรย์ ไม่เคยได้ฟัง
มาในกาลก่อน มาปรากฏแก่อาตมภาพ เปรียบเหมือไม้สดชุ่มด้วยยางตั้งอยู่
บนบก ใกล้น้ำ ถ้าบุรุษพึงมาด้วยหวังว่า จะเอาไม้นั้นมาสีให้เกิดไฟ จักทำไฟ
ให้ปรากฏ ดูก่อนราชกุมาร พระองค์จะเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน
บุรุษนั้นเอาไม้สดชุ่มด้วยยางตั้งอยู่บนบกไกลน้ำมาสีไฟ พึงให้ไฟเกิด พึงทำ
ไฟให้ปรากฏได้บ้างหรือ.
ข้อนี้ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม้นั้นยังสด
ชุ่มด้วยยาง แม้จะตั้งอยู่บนบกไกลน้ำ บุรุษนั้นก็จะพึงเหน็ดเหนื่อยลำบากกาย
เปล่า.
ดูก่อนราชกุมาร ข้อนี้ฉันใด สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
มีกายหลีกออกจากกาม แต่ยังมีความพอใจในกาม ยิ่งเสน่หาในกาม ยังหลง
อยู่ในกาม มีความระหายในกาม มีความเร่าร้อนเพราะกาม ยังละไม่ได้ด้วยดี
ยังให้สงบระงับไม่ได้ด้วยดีในภายใน ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ถึงแม้จะ
ได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าเผ็ดร้อนอันเกิดเพราะความเพียรก็ดี ถึงแม้จะไม่ได้
เสวยทุกขเวทนาที่กล้าเผ็ดร้อนอันเกิดเพราะความเพียรก็ดี ก็ไม่ควรเพื่อจะรู้

เพื่อจะเห็น เพื่อปัญญา เครื่องตรัสรู้อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า. ดูก่อนราชกุมาร
อุปมาข้อที่สองนี้ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏแก่
อาตมภาพ.
[494] ดูก่อนราชกุมาร อุปมาข้อที่สามน่าอัศจรรย์ไม่เคยได้ฟังมา
ในกาลก่อนมาปรากฏแก่อาตมภาพ เปรียบเหมือนไม้แห้งเกราะทั้งตั้งอยู่บนบก
ไกลน้ำ ถ้าบุรุษพึงมาด้วยหวังว่า จักเอาไม้นั้นมาสีให้ไฟเกิด จักทำไฟให้
ปรากฏ ดังนี้ . ดูก่อนราชกุมาร พระองค์จะเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน
บุรุษนั้นเอาไม้แห้งเกราะทั้งตั้งอยู่บนบกไกลน้ำนั้นมาสีไฟ พึงให้ไฟเกิด พึง
ทำให้ไฟปรากฏได้บ้างหรือ.
อย่างนั้น พระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม้นั้นแห้งเกราะ
และทั้งตั้งอยู่บนบกไกลน้ำ.
ดูก่อนราชกุมาร ข้อนี้ฉันใด สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ก็ฉันนั้นแล มีกายหลีกออกจากกามแล้ว ไม่มีความพอใจในกาม ไม่เสน่หา
ในกาม ไม่หลงอยู่ในกาม ไม่ระหายในกาม ไม่เร่าร้อนเพราะกาม ละได้ด้วยดี
ให้สงบระงับด้วยดีในภายใน ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ถึงแม้จะได้เสวย
ทุกขเวทนาที่กล้าเผ็ดร้อนอันเกิดเพราะความเพียรก็ดี ถึงจะไม่ได้เสวยทุกข์
เวทนาที่กล้าเผ็ดร้อน อันเกิดเพราะความเพียรก็ดี ก็ควรเพื่อจะรู้ เพื่อจะเห็น
เพื่อปัญญาเครื่องตรัสรู้ อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าได้. ดูก่อนราชกุมาร อุปมา
ข้อที่สามนี้น่าอัศจรรย์ ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อนนี้แล มาปรากฏแก่อาตมภาพ.
ดูก่อนราชกุมาร อุปมาสามข้อน่าอัศจรรย์ ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อนเหล่านี้แล
มาปรากฏแก่อาตมภาพ.
[495] ดูก่อนราชกุมาร อาตมภาพมีความคิดเห็นว่า ถ้ากระไร
เราพึงกดฟันด้วยฟัน กดเพดานด้วยลิ้น ข่มจิตด้วยใจ บีบให้แน่น ให้ร้อนจัด.

แล้วอาตมภาพก็กดฟันด้วยฟัน กดเพดานด้วยลิ้น ข่มจิตด้วยจิต บีบให้แน่น
ให้ร้อนจัด. เมื่ออาตมภาพกดฟันด้วยฟัน กดเพดานด้วยลิ้น ข่มจิตด้วยจิต
บีบให้แน่น ให้เร่าร้อนอยู่ เหงื่อก็ไหลจากรักแร้. ดูก่อนราชกุมาร เปรียบ-
เหมือนบุรุษมีกำลังพึงจับบุรุษมีกำลังน้อยกว่าที่ศีรษะหรือที่คอ แล้วกดบีบไว้
ให้เร่าร้อนก็ฉันนั้น เหงื่อไหลออกจากรักแร้. ดูก่อนราชกุมาร ก็ความเพียรที่
อาตมภาพปรารภแล้ว จะย่อหย่อนก็หามิได้ สติที่ตั้งไว้แล้ว จะฟั่นเฟือนก็
หามิได้ แก่การที่ปรารภความเพียรของอาตมภาพผู้อันความเพียรที่ทนได้ยากนั้น
แลเสียดแทง กระสับกระส่ายไม่สงบระงับ.
[496] ดูก่อนราชกุมาร อาตมาภาพได้มีความคิดเห็นว่า ถ้ากระไร
เราพึงเพ่งฌานอันไม่มีลมปราณเป็นอารมณ์เกิด แล้วอาตมภาพก็กลั้นลม-
อัสสาสะปัสสาสะทั้งทางปากและทางจมูก เมื่ออาตมภาพกลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะ
ทั้งทางปากและทางจมูก เสียงลมที่ออกทางช่องหูทั้งสองดังเหลือประมาณ.
เปรียบเหมือนเสียงสูบของช่องทองที่กำลังสูบอยู่ดังเหลือประมาณ ฉันใด เมื่อ
อาตมภาพกลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ทั้งทางปากและทางจมูก เสียงลมที่ออกทาง
ช่องหูทั้งสองก็ดังเหลือประมาณ ฉันนั้น. ดูก่อนราชกุมาร ก็ความเพียรที่
อาตมาภาพปรารภแล้วจะย่อหย่อนก็หามิได้ สติที่ตั้งไว้แล้วจะได้ฟั่นเฟือนก็หา
มิได้ แต่กายที่ปรารภความเพียรของอาตมภาพผู้อันความเพียรที่ทนได้ยากนั้นแล
เสียดแทง ไม่สงบระงับแล้ว.

ฌานไม่มีลมปราณ



[497] ดูก่อนราชกุมาร อาตมภาพได้มีความคิดเห็นว่า ถ้ากระไรเรา
พึงเพ่งฌานอันไม่มีลมปราณเป็นอารมณ์เถิด. แล้วอาตมภาพจึงกลั้นลมอัสสาสะ
ปัสสาสะ ทั้งทางปากทางจมูกและทางช่องหู เมื่ออาตมภาพกลั้นลมอัสสาสะ-